มีเรื่องเล่าว่า หญิงสาวคนหนึ่งอาศัยอยู่ในตัวเมือง บ้านของเธอมีต้นไม้ใหญ่แผ่กิ่งก้านสาขาจนทำให้บริเวณนั้นดูร่มรื่น แต่ขณะเดียวกันกิ่งก้านก็หักและหล่นใส่บ้านใกล้เคียงอยู่บ่อย ๆ จนเป็นปัญหาถึงขั้นที่จะต้องโค่นต้นไม้ใหญ่นั้นทิ้งไป เธอรู้สึกกังวลว่า ต่อไปจะไม่มีร่มเงาที่คอยกำบังแดดฝน ไม่มีนกมาส่งเสียงร้องให้ฟังอีกแล้ว ยิ่งคิดก็ยิ่งเสียดายกังวลและเครียดขึ้นเป็นลำดับ พอถึงวันที่ต้องตัดมันทิ้งจริง ๆ เธอได้รับคำพูดปลอบใจจากเพื่อนว่า "อย่าเสียดายกับสิ่งที่เสียไป แต่จงยินดีกับสิ่งที่กำลังจะได้มา" หลังจากต้นไม้ถูกโค่นทิ้งไปไม่นาน เธอได้เห็นความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น กล่าวคือ ทุกเช้าเธอจะได้รับแสงแดดที่ส่องเข้ามาในบริเวณห้อง ทำให้รู้สึกอบอุ่นกระปรี้กระเปร่าขึ้นทันที ได้เห็นภาพเด็ก ๆ วิ่งขึ้นลงรถรับส่งนักเรียนอย่างร่าเริง และไม่มีนกมาถ่ายมูลให้สกปรกอีก ถึงตอนนี้เธอจึงเข้าใจกับคำว่า "อย่าเสียดายกับสิ่งที่เสียไป แต่จงยินดีกับสิ่งที่กำลังจะได้มา"
คนจำนวนไม่น้อยมักกลัวการเปลี่ยนแปลงที่จะเกิดขึ้น ความกลัวนั้นส่วนใหญ่ก็เกิดจากความคิดภายใต้อิทธิพลของความเคยชิน ทำให้ไม่อยากปรับตัวแม้ในเรื่องที่นำไปสู่การพัฒนา การพอใจอยู่กับสิ่งเก่า ๆ เดิม ๆ นี้ แม้จะทำให้รู้สึกว่าสบายไม่ต้องดิ้นรน แต่อีกด้านหนึ่งก็เป็นการปิดโอกาสของชีวิต ไม่ให้พบกับสิ่งใหม่ ๆ ซึ่งบางเรื่องก็เป็นประโยชน์มหาศาลแก่ตัวเอง
ดังนั้น หากต้องเผชิญกับการเปลี่ยนแปลงไม่ว่าจะเปลี่ยนแปลงไปในทางใดก็ตาม นอกจากจะทำใจให้มั่นคงหนักแน่นแล้ว จะต้องค้นให้พบแง่ดีที่เกิดขึ้นจากการเปลี่ยนแปลงนั้น เพราะการเปลี่ยนแปลงแต่ละครั้งทำให้ชีวิตได้โอกาสไม่แง่ใดก็แง่หนึ่ง เมื่อถึงคราว จึงควรเดินไปกับมันด้วยพลังที่มีอยู่ แม้ถึงจะแข็งขืนอย่างไรก็ไม่อาจฝืนกฎของการเปลี่ยนแปลงไปได้ คิดได้แบบนี้แล้ว ไม่ว่าจะเปลี่ยนงาน ย้ายที่ทำงาน ย้ายบ้าน ย้ายไปรับตำแหน่งที่อื่นๆ ก็ "อย่าเสียดายกับสิ่งที่เสียไป แต่จงยินดีกับสิ่งที่กำลังจะได้มา" ติดตามนิทานธรรมะในแบบนิทานสั้นๆ ให้แง่คิดในการดำเนินชีวิตในตอนต่อไปกับ .... นิทานธรรมะบล็อก
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น