นักจิตวิทยาท่านหนึ่ง แนะวิธีทำใจให้มีความสุขด้วยวิธีง่ายๆ คือ หาทางยกย่องชมเชยให้ได้อย่างน้อยวันละ 1 ครั้ง เหตุเพราะว่า ที่ใดมีคำชม ที่นั่นย่อมมีความสุขทั้ง 2 ฝ่าย คือ ผู้รับคำชมเชยย่อมจะรู้สึกภาคภูมิใจที่มีคนมองเห็นความดีของตน จึงพร้อมจะเป็นมิตรกับผู้พูด ฝ่ายผู้ชม ตลอดเวลาที่คิดถึงความดีของคนอื่น เพื่อจะชม ก็ทำให้จิตใจอ่อนโยน และเมื่อพูดออกไปก็เป็นปิยวาจา ทำให้ทั้งสองฝ่ายรู้สึกดีต่อกัน เป็นบ่อเกิดแห่งความสามัคคีในที่สุดได้
ในอดีตกาล พระพุทธเจ้าก็ทรงยกย่องชมเชยพระสาวกไว้ในเอตทัคคะต่างๆ มากมาย มีทั้งที่เป็นภิกษุ ภิกษุณี อุบาสก และอุบาสิกา เช่น ทรงยกย่องชมเชยพระอัญญาโกณฑัญญะว่าเป็นเลิศด้านรัตตัญญู พระสารีบุตรเป็นเลิศด้านมีปัญญา พระอุบลวรรณาเถรี เป็นเลิศด้านมีฤทธิ์ อนาถปิณฑิกเศรษฐี เป็นเลิศในฝ่ายทายก และนางวิสาขามหาอุบาสิกา เป็นเลิศในฝ่ายทายิกา เป็นต้น ทำให้พระสาวกมีกำลังใจในการทำความดียิ่งขึ้น และพระสาวกรูปอื่นๆ ก็ยึดเป็นแบบอย่างต่อไป สำหรับหลักในการชม โดยทั่วไปนั้น ท่านให้ชมสิ่งที่เป็นคุณธรรมหลัก เช่น ชมความอดทน ชมความรับผิดชอบ ชมความกล้าหาญ เป็นต้น เพราะการชมสิ่งเหล่านี้ จะทำให้คนเข้าถึงความดีงานที่สูงขึ้น ประณีตขึ้น นั่นเอง ซึ่งต่างจากการชมสิ่งที่เป็นวัตถุธรรม เช่น เสื้อผ้าอาภรณ์ แก้วแหวนเงินทอง เป็นต้น เพราะสิ่งเหล่านี้ ไม่ใช่สัจธรรมที่เป็นสากล อีกทั้งยังไม่มีความจีรังยั่งยืน
หากอยากได้ความสุขและมิตรภาพที่ไม่ต้องซื้อหา วิธีการง่ายๆ ก็คือ หาทางชมคนให้ได้อย่างน้อย วันละ 1 ครั้ง เพียงเท่านี้ความสุขและมิตรภาพก็พร้อมจะเกิดขึ้นอยู่ตลอดเวลา เพราะคำชมหรือคำยกย่องสรรเสริญนั้น ถ้าใช้อย่างเหมาะสมถูกกาละเทศะแล้ว ก็เป็นสิ่งที่มีฤทธิ์ ทำให้ผู้ชมและผู้รับคำชมรู้สึกดีต่อกัน เกิดความรักใคร่กลมเกลียวกัน และทำให้ความสัมพันธ์ทีดีๆ อีกมากมายเกิดขึ้นได้ ... ติดตามนิทานธรรมะในแบบนิทานสั้นๆ ให้แง่คิดในการดำเนินชีวิตในตอนต่อไปกับ .... นิทานธรรมะบล็อก
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น