นิทานธรรมะ เรื่อง คนของโลก
ชายชราผู้หนึ่งนั่งขุดหลุมอยู่อย่างขะมักเขม้นท่ามกลางแดดร้อนจัดในเวลาบ่าย ขณะนั้นเด็กหนุ่มคนหนึ่งเดินมาพบเข้าจึงถามว่า กำลังทำอะไร ชายชราตอบว่า กำลังขุดหลุมเพื่อปลูกมะม่วง คำตอบนั้นยิ่งทำให้เด็กหนุ่มแปลกใจยิ่งขึ้น จึงถามอีกว่า นี่ลุงอายุเท่าไรแล้ว พอทราบว่าชายชราผู้นั้นอายุแปดสิบปีแล้ว จึงพูดขึ้นว่า มะม่วงต้นนี้ต้องใช้เวลาไม่น้อยกว่า ๕ ปี จึงจะออกผล ลุงอาจจะตายเสียก่อนที่จะได้กินก็ได้ ถ้าเป็นอย่างนั้นมันก็ไม่คุ้มกับที่ต้องลงทุนเหน็ดเหนื่อยอย่างนี้
ชายชราอธิบายว่า มะม่วงที่ปลูกนี้ ถึงลุงจะตายไปเสียก่อน แต่ประโยชน์ก็จะตกแก่คนอื่นต่อไป เหมือนตัวหลานชายนี่แหละ ตอนที่เกิดมาก็ไม่ได้เกิดในบ้านที่ตัวเองสร้างไว้ เกิดมาแล้วก็ยังอาศัยอยู่ในบ้านที่คนอื่นสร้างไว้เหมือนกัน การทำสิ่งใด ๆ จึงไม่ควรมองแค่ประโยชน์ที่ตัวเองได้รับ แต่ควรคิดถึงประโยชน์ของผู้อื่นด้วย
เรื่องนี้ให้ข้อคิดว่า การกระทำที่มุ่งประโยชน์ตนแม้จะเป็นเรื่องถูก แต่ก็ยังแคบ ถ้านักวิทยาศาสตร์คิดว่าเราจะคิดค้นพลังงานและอุปกรณ์ไฟฟ้าไปทำไม ทนอยู่มืด ๆ ไปอีกไม่กี่ปีเราก็ตายแล้ว คนอื่นเขาก็ยังอยู่กันได้ โลกเราก็คงไม่มีพลังงานไฟฟ้าใช้อย่างทุกวันนี้ แม้กรณีตัวอย่างอื่น ๆ ที่เห็นได้ทั่วไปก็ชี้ชัดว่า การที่เรามีชีวิตอยู่ได้อย่างสุขสบายทุกวันนี้ ส่วนหนึ่งก็เพราะได้เสวยผลที่ผู้อื่นคิดค้นและสร้างสรรค์ไว้นั่นเอง
คนที่คิดถึงประโยชน์ของผู้อื่นหรือส่วนรวม เป็นคนที่โลกต้องการทุกยุคทุกสมัย เพราะช่วยพัฒนาโลกให้มีคุณค่า สวยงาม และน่ารื่นรมย์ แม้จะปลูกมะม่วงต้นเดียวซึ่งเป็นเรื่องเล็กน้อย แต่วิธีคิดและความมุ่งหวังของเขายิ่งใหญ่และทรงคุณค่า สมกับที่เกิดมาเป็น "คนของโลก" อย่างแท้จริง
....ติดตามนิทานธรรมะในแบบนิทานสั้นๆ ให้แง่คิดในการดำเนินชีวิต
ในตอนต่อไปกับ .... นิทานธรรมะบล็อก
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น