แนะนำ! บทความธรรมะอ่านมากที่สุดตอนนี้

นิทานธรรมะ เรื่อง เหตุแห่งความพินาศ ข้อที่ 1 การนอนจนตะวันโด่ง


เหตุแห่งความพินาศ ข้อที่ 1 การนอนจนตะวันโด่ง
   ในสมัยพุทธกาล มีพราหมณ์คนหนึ่ง เกิดความสงสัยว่า พระพุทธเจ้าทรงสั่งสอนเฉพาะเรื่องคุณธรรม ความดีทั้งนั้น ก็คงจะทรงทราบแต่เรื่องความดีความเจริญเท่านั้น ไม่ทรงทราบถึงเรื่องความพินาศเสียหาย จึงเข้าไปกราบทูลถามว่า พระองค์ทรงทราบ เรื่องความพินาศเสียหายบ้างหรือไม่ พระพุทธองค์ตรัสตอบว่า พระองค์มิใช่ทรงทราบ แต่เรื่องความดีความเจริญอย่างเดียว แม้เรื่องความพินาศเสียหายก็ทรงทราบ ครั้นแล้วจึงตรัสบอก เหตุแห่งความพินาศเสียหาย รวม 6 ประการ และทรงย้ำว่า ถ้าใครประพฤติเหตุทั้ง 6 ประการนี้ จะต้องพบกับ ความพินาศอย่างแน่นอน
       เหตุแห่งความพินาศ 6 ประการ คือ
       1. การนอนจนตะวันโด่ง

ข้อคิดธรรมะ เรื่อง หันหน้าเข้าวัด

นิทานธรรมะ เรื่อง หันหน้าเข้าวัด
    มีเรื่องเล่า ในวงสนทนาวงหนึ่ง มีการปรารภเป็นเชิงถามขึ้นว่า ขณะที่คริสต์ศาสนิกชน ต้องเข้าโบสถ์ทุกวันอาทิตย์ อิสลามิกชน ต้องเข้ามัสยิด ทุกวันศุกร์ และพุทธศาสนิกชนล่ะ ต้องเข้าวัด ในวันไหน ปรากฏว่า วงสนทนาเงียบกริบ นึกหาคำตอบไม่ได้ ครั้นจะตอบว่า เข้าวัดวันพระก็ไม่ชัดเจนนัก เพราะเห็นกันอยู่ว่าทุกวันนี้ พุทธศาสนิกชน ส่วนใหญ่ มิได้ให้ความสำคัญแก่วันพระเท่าไรนัก
       พุทธศาสนิกชน มีอยู่หลายประเภทด้วยกัน คือ เฮโลพุทธ บรรพบุรุษพาถือ มีชื่อในสำมะโนครัว เจ้าตัวศรัทธา และ ว่าแต่ปาก ประเภทเจ้าตัวศรัทธา ถือว่าเป็นกำลังสำคัญ มักมีน้อยกว่าประเภทอื่น เมื่อเป็นเช่นนี้ พฤติกรรมต่างๆ ของผู้ที่ได้ชื่อว่า ป็นพุทธศาสนิกชน จึงมักออกมาใน ลักษณะที่ว่า "วัดไม่ค่อยเข้า เหล้าไม่ค่อยขาด บาตรไม่ค่อยใส่ พนันไพ่ไม่ค่อยละ ซ้ำยังเอาหัวพระเป็นปฏิทิน" คือ จะรู้ว่าวันไหนเป็นวันโกนวันพระ ก็ต่อเมื่อเห็นศีรษะพระ ที่เพิ่งโกนใหม่ๆ นั่นแหละ

ข้อคิดธรรมะ เรื่อง หุ้นที่น่าเล่น

เรื่อง หุ้นที่น่าเล่น
    คำว่า "หุ้น" พจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ.2525 อธิบายว่าเป็นภาษาจีน หมายถึง ส่วนที่ลงทุนเท่ากัน ในการค้าขายเป็นต้น เรื่องของหุ้นเป็นที่สนใจ ของคนแทบทุกระดับ ทั้งนี้ เพราะสื่อแขนงต่างๆ รายงานความเคลื่อนไหว ของหุ้นอยู่ตลอดเวลา จึงเหมือนเป็นการกระตุ้น ปลุกเร้าผู้คนให้หันไปเล่น เพื่อหวังผลกำไรก้อนโต ที่จะตามมา
       การซื้อขายหุ้น นับเป็นธุรกิจการลงทุน ในตลาดหลักทรัพย์ที่สำคัญ ผู้ลงทุนย่อมได้ผลตอบแทน ในรูปของเงินปันผล หรือกำไรจากการซื้อขายหุ้น มีสถิติมูลค่าการซื้อขาย หลายแสนล้านบาทต่อปี ผู้ที่ร่ำรวยจากการเล่นหุ้นมีมาก ขณะเดียวกันผู้ที่หมดเนื้อหมดตัวก็มีไม่น้อย เพราะในตลาดหุ้นนั้น เอาแน่นอนไม่ได้ ราคาหุ้นมักจะขึ้นลง อยู่ตลอดเวลา ตามสถานการณ์ทางการเมือง เศรษฐกิจ และสังคม นอกจากนั้น ก็ยังมีการปั่นหุ้นเก็งกำไร ทำให้ราคาหุ้นปั่นป่วนไปได้มาก
       ยังมีหุ้นอยู่อีกตัวหนึ่งที่น่าเล่น หุ้นที่ว่านี้ก็คือ "หุ้นบุญ" โดยมีพุทธบริษัท เป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่

นิทานธรรมะ เรื่อง หนุมานสร้างสะพาน


นิทานธรรมะ
       ท่านที่เคยอ่านเรื่องรามเกียรติ์ คงจะจำเรื่องราว ตอนที่หนุมานสร้างสะพานได้ เรื่องมีอยู่ว่า พระรามต้องการจะยกทัพไปตีกรุงลงกา ซึ่งเป็นเกาะอยู่กลางทะเล จึงสั่งให้หนุมานสร้างสะพาน เพื่อทำเป็นถนน ข้ามไปยังฝั่งลงกา หนุมานเกณฑ์ไพร่พล ให้ช่วยกันขนหินมาถมทะเล เพื่อทำเป็นสะพาน งานสร้างสะพานทำถนนก็ดำเนินไปด้วยความเรียบร้อย ชั่วระยะหนึ่ง ก็เกิดเหตุผิดปกติขึ้น คือถนนที่สร้างนี้ทรุดลงไป แม้จะถมหินลงไปเท่าไรๆ ก็สูงไม่พ้นน้ำสักที หนุมาน จึงลงไปสำรวจดูใต้น้ำ ก็พบว่านางสุวรรณมัจฉา กำลังระดมฝูงปลา ช่วยกันคาบก้อนหิน ไปทิ้งที่อื่น จึงทำให้ถนนทรุด หนุมานต้องจัดการทำให้ฝูงปลา หยุดการกระทำเช่นนั้น งานสร้างสะพานทำถนนจึงดำเนินต่อไปได้
       สังคมเราทุกวันนี้ มีภารกิจอยู่เป็นอันมาก ทั้งที่เป็นงานสร้างสรรค์ ความเจริญก้าวหน้าใหม่ๆ และงานบำรุงรักษา ความดีงาม ที่บรรพบุรุษเรา สั่งสมมาแต่โบราณกาล งานเหล่านี้ถ้าเปรียบ ก็เหมือนกับ การสะพานโดยการโยนหินลงไปในทะเล ซึ่งนอกจาก จะมีความยากลำบากแล้ว ยังมีอุปสรรค คอยขัดขวาง และบ่อนทำลายนานัปการ เช่น

ข้อคิดธรรมะ เรื่อง เสียไปก็ได้มา

ข้อคิดธรรมะ เรื่อง เสียไปก็ได้มา
นิทานธรรมะ
      ชายสองคนปลูกมะม่วงพันธุ์เดียวกัน ปลูกพร้อมกัน และปลูกในพื้นที่เดียวกัน หลังจากปลูกแล้วคนแรกได้เอาใจใส่ดูแลอย่างดี ด้วยการใส่ปุ๋ย รดน้ำ กำจัดวัชพืชและแมลงศัตรูพืชเป็นประจำ ทำให้มะม่วงของเขาเจริญเติบโตและผลิดอกออกผลเต็มต้น ส่วนคนที่สอง เมื่อปลูกแล้ว ก็ปล่อยทิ้งตามยถากรรมไม่ทำอะไรเลย มะม่วงของเขาจึงเจริญเติบโตไม่สมบูรณ์ ไม่ผลิดอกออกผลตามต้องการ ผลที่ต่างกันนี้เพราะคนแรกมีการลงทุน ถึงจะเสียไปในเบื้องต้นแต่ก็ได้มาในภายหลัง

       ตัวอย่างข้างต้นให้ข้อคิดที่สำคัญว่า การเสียนั้น มักทำให้เราได้อะไรกลับมาเสมอ อย่าว่าแต่การเสียแบบลงทุนเหมือนคนปลูกมะม่วงเลย แม้แต่การเสียชนิดที่เข้าใจกันว่าเสียแล้วเสียเลยที่เรียกกันว่าสูญเสีย ก็ยังมีมุมที่เป็นผลได้สะท้อนกลับมา เช่น เมื่อต้องสูญเสียคนรักหรือของรักไป .....

นิทานธรรมะ เรื่อง ใจแม่

นิทานสั้น เรื่อง ใจแม่
มีสุภาษิตทางภาคอิสานบทหนึ่ง มีใจความว่า "มารบ่มี บารมีบ่แก่ ลูกบ่ได้ฟังคำบ่นของแม่ ยากนักจักเป็นคน"

       มาร หมายถึง อุปสรรคที่มาขัดขวางไม่ให้ทำในสิ่งที่ต้องการได้สำเร็จ ซึ่งตามปกติคนมักมองในแง่ร้ายฝ่ายเดียว แต่แง่ดีของมารก็คือเป็นเครื่องทดสอบความรู้ความสามารถและทดสอบศักยภาพของคน

       บารมี คือคุณธรรมของคน ซึ่งจะแก่กล้าก็ด้วยมีมารเข้ามาขัดขวาง

       คำบ่น หมายถึง คำว่ากล่าวตักเตือน คนที่เป็นบุตรธิดาจะเป็นคนดี คนเก่ง คนกล้า เป็นคนมีคุณค่า มีประโยชน์ ก็ด้วยคำบ่นของแม่ ถึงบางครั้งจะตักเตือนหรือดุด่าด้วยถ้อยคำที่รุนแรง แต่ก็เพราะมีความรักและปรารถนาดีเป็นพื้นฐาน ดังเรื่องเล่าในอรรถกถามงคลสูตรว่า

       แม่คนหนึ่ง ไม่อนุญาตให้ลูกเข้าไปเที่ยวในป่า แต่แม้จะห้ามปรามอย่างไรก็ไม่สำเร็จ ลูกน้อยยังดึงดันจะไปให้ได้ จึงเกิดโทสะตวาดไปว่า "ขอให้ควายป่าขวิดมันให้ตายเสีย" เมื่อเด็กน้อยเข้าป่าไปได้พักเดียว ก็มีควายป่าดุร้ายไล่ขวิดจริง ๆ เมื่อจวนตัว เด็กคนนั้นได้ตั้งสัจจาธิษฐานว่า "ปากของแม่พูดสิ่งใด ขออย่าให้เกิดสิ่งนั้นขึ้น แต่ใจของแม่คิดสิ่งใด ขอให้สิ่งนั้นเกิดขึ้น" สิ้นคำอธิษฐาน ควายป่าได้หยุดนิ่งเหมือนถูกผูกตรึงไว้กับที่ราวกับว่ามันมีใจเมตตาเหมือนใจแม่ที่รักลูก

ข้อคิดธรรมะ เรื่อง โจรทิม

เรื่อง โจรทิม
       ครั้งหนึ่ง พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงได้รับฎีกาจากโจรทิมซึ่งติดคุกด้วยข้อหาปล้นทรัพย์ ในฎีการะบุว่า ตั้งแต่ต้องโทษก็ตั้งใจฝึกฝนวิชาจักสานมาโดยลำดับ บัดนี้ล่วงเลยมาถึงสิบปี มั่นใจว่าฝีมือเป็นเลิศไม่มีใครสู้ได้ จึงผลิตงานฝีมือถวาย หากทรงโปรด ก็จะขอพระราชทานอภัยโทษสักครั้งเพื่อออกบวชเลิกประพฤติชั่วไปตลอดชีวิต และเมื่อได้ทอดพระเนตรกาถังน้ำร้อนฝีมือจักสานของโจรทิมที่เจ้าพนักงานนำขึ้นทูลเกล้าฯ ถวาย ทรงพอพระทัยในฝีมืออันประณีตงดงามไม่มีใครเทียบ จึงพระราชทานอภัยโทษ และโปรดให้จัดบวชเป็นนาคหลวง

       ต่อมาเมื่อ ร.ศ. ๑๑๒ เกิดกรณีพิพาทระหว่างไทยกับฝรั่งเศส พระทิมได้มาแจ้งต่อสมเด็จกรมพระยาดำรงราชานุภาพว่า ตนเองได้เคยเรียนคาถาอาคมสำหรับการต่อสู้มาบ้าง บัดนี้ บ้านเมืองเกิดศึกสงคราม จะมาขอพระราชทานพระบรมราชานุญาตลาสิกขาออกไปช่วยรบกับข้าศึก เพื่อทดแทนพระมหากรุณาธิคุณ ต่อเมื่อสิ้นการศึก หากรอดชีวิตก็จะขอกลับมาบวชอีกครั้งหนึ่ง

       สมเด็จพระพุทธเจ้าหลวง เมื่อทรงทราบ ถึงกับทรงออกพระโอษฐ์ว่า.....

นิทานธรรมะ เรื่อง จริต

เรื่อง จริต
....ว่ากันว่า เวลาฝนตั้งท่าจะตกใหญ่ ลิงจะหักกิ่งไม้ที่มีใบสดๆ มาทำซุ้ม และจะเอาใจใส่ส่วนที่เป็นหลังคา เป็นพิเศษ มันจะส่องดูใต้หลังคาอย่างระมัดระวัง ถ้าพบช่องพบรูแม้นิดเดียว มันจะ หักกิ่งไม้ มาแซมเสริม เป็นอย่างดี แต่เมื่อฝนตกลงมาจริงๆ แทนที่ลิงจะลงไปอยู่ใต้หลังคา กลับขึ้นไปนั่งตากฝนอยู่บนหลังคา หน้าตาเฉย ถ้าเรื่องนี้เป็นเรื่องจริง ก็แสดงว่า ลิงมันมีอุปนิสัยของมันเอง ซึ่งบางทีมนุษย์เราอาจไม่เข้าใจ

           มนุษย์ก็มีอุปนิสัยแตกต่างกัน หากอยากทราบว่า ตนเองมีอุปนิสัยอย่างไรแล้ว ท่านให้สังเกตปฏิกิริยาครั้งแรก ที่เรามีต่อสิ่งใดสิ่งหนึ่ง เพราะนั่นคือ ภาพสะท้อนอุปนิสัยของคนเรา ทางพระพุทธศาสนา เรียก อุปนิสัย นี้ว่า "จริต" มี ๖ ประการ ด้วยกันคือ


นิทานธรรมะ เรื่อง ง่ายนิดเดียว

เรื่อง ง่ายนิดเดียว
     มีเรื่องเล่าว่า ชายคนหนึ่งเป็นคนตระหนี่ถี่เหนียว ไม่เคยบริจาคทานแก่ใคร ๆ เลย วันหนึ่งเพื่อนสนิทของเขามาชวนให้ช่วยบริจาคทำบุญ เขาไม่อาจขัดใจเพื่อนได้ จึงหยิบเงินบริจาคให้ไปจำนวนหนึ่ง ด้วยความรู้สึกเสียดาย วันต่อมา เขาถูกเพื่อนอีกคนหนึ่งมาชวนให้บริจาคอีก เขาต้องฝืนใจบริจาคอีกเป็นครั้งที่สอง แต่คราวนี้ตัดสินใจบริจาคได้เร็วกว่าครั้งแรก หลังจากนั้นก็มีเพื่อนอีกคนหนึ่งมาขอร้องให้ช่วยบริจาคอีกเป็นครั้งที่สาม คราวนี้เขาควักเงินบริจาคอย่างง่ายดายและรวดเร็วกว่าสองครั้งที่ผ่านมา หลังจากผ่านการบริจาคสามครั้งนี้แล้วเขาได้เปลี่ยนไป คือทุกครั้งที่มีคนมาเชิญชวนให้บริจาค เขาจะร่วมทำบุญทันทีด้วยความเต็มใจไม่รู้สึกลังเลหรือเสียดายอีกต่อไป



       เรื่องนี้สรุปได้ว่า ......

นิทานธรรมะ เรื่อง นมสดแก้วเดียว

เรื่อง นมสดแก้วเดียว
    ในประเทศสหรัฐอเมริกามีคนไข้หญิงรายหนึ่งป่วยหนักด้วยโรคหัวใจซึ่งแพทย์ในท้องถิ่นไม่สามารถรักษาได้ จึงส่งไปให้แพทย์ผู้เชี่ยวชาญพิเศษทำการรักษา แพทย์ผู้นั้นอ่านประวัติแล้วสะดุดใจกับชื่อหมู่บ้านของผู้ป่วย จึงซักถามอย่างละเอียด หลังจากนั้นก็ลงมือรักษาด้วยการผ่าตัดหัวใจ ใช้อุปกรณ์ที่ทันสมัยที่สุด ให้ยาราคาแพงที่สุด ทุกอย่างทำด้วยความตั้งใจเป็นพิเศษ จนผู้ป่วยหายเป็นปกติ นอกจากนั้นยังเป็นผู้ออกค่าใช้จ่ายในการรักษาทั้งหมดแก่คนไข้รายนี้ด้วย สาเหตุที่ทำเช่นนั้น เป็นเพราะเมื่อสามสิบกว่าปีก่อน ขณะที่นายแพทย์ผู้นี้ยังเป็นเด็กและมีฐานะยากจนนั้น วันหนึ่ง เขาไม่มีแม้แต่ข้าวจะกิน ทั้งหิวทั้งทรมาน และคนไข้รายนี้เองได้ให้นมสดแก่เขาแก้วหนึ่ง

        เรื่องราวดังกล่าว สะท้อนให้เห็นว่า ....

นิทานธรรมะ เรื่อง วิธีคิดพิชิตทุกข์

เรื่อง วิธีคิดพิชิตทุกข์
      วิธีคิด คือ การทำงานของจิตอย่างหนึ่ง ทั้งนี้สุดแต่ใครจะกำหนดกรอบความคิดของตนไปทางใด กล่าวคือ เมื่อบุคคลประสบกับเหตุการณ์อย่างใดอย่างหนึ่ง ถ้าเขาใช้วิธีคิดที่มีโทสะเป็นพื้นฐาน เหตุการณ์นั้น ๆ ก็จะลุกลามกลายเป็นเรื่องใหญ่โต นำโทษทุกข์มาให้ แต่ถ้าเขาใช้วิธีคิดอันมีเมตตากรุณาเป็นพื้นฐาน เหตุการณ์นั้น ๆ ก็จะกลายเป็นเรื่องเล็กน้อย สงบเย็น เกิดประโยชน์สุขขึ้นมาแทนที่ ในกรณีนี้มีเรื่องของลุงบุญเป็นอุทาหรณ์

       ครั้งหนึ่ง ลุงบุญอุ้มลูกชายวัย 4 ขวบ ขึ้นรถยนต์โดยสารปรับอากาศเพื่อเดินทางไปทำธุระ ณ ที่แห่งหนึ่ง เมื่อขึ้นไปแล้วได้สังเกตเห็นเบาะว่างอยู่ที่หนึ่งจึงพาลูกไปนั่ง ขณะนั่งลงได้เบียดถูกชายคนหนึ่งซึ่งนั่งอยู่เบาะติดกัน ลุงบุญรีบกล่าวคำขอโทษ พอสิ้นเสียงคำขอโทษ ชายคนนั้นต่อยที่ต้นแขนของลุงบุญพร้อมพูดว่า "นี่น่ะขอโทษ" ลุงบุญทั้งเจ็บและโกรธ พยายามเปลี่ยนความโกรธให้เป็นความเมตตากรุณา คิดว่า "ชายคนนี้คงจะโกรธใครมา หรือมีเรื่องไม่สบายใจอยู่ก่อน พอถูกเราเบียดจึงระบายความโกรธใส่เรา เขาได้ต่อยเราแล้วคงจะสบายใจขึ้น" พอลุงบุญนึกมาถึงตรงนี้ ความโกรธและความเจ็บค่อย ๆ จางหายไป เกิดความสบายใจขึ้นแทนที่ ลุงบุญโดยสารรถคันนั้นไปถึงจุดหมายปลายทางโดยไม่มีเหตุการณ์รุนแรงอะไรเกิดขึ้น

ข้อคิดธรรมะ ตอน เวลาของเรา


     มีผู้คำนวณการใช้เวลาของมนุษย์ตั้งแต่เกิดจนตาย ซึ่งประมาณอายุขัย ๗๐ ปีว่า มนุษย์จะใช้เวลานอนประมาณ ๒๔ ปี ศึกษาและทำงานประมาณ ๒๐ ปี พักผ่อนและรื่นเริงประมาณ ๙ ปี รับประทานอาหารประมาณ ๖ ปี เดินทางประมาณ ๒ ปี เจ็บป่วยประมาณ ๕ ปี แต่งกายประมาณ ๓ ปี และทำพิธีทางศาสนาประมาณ ๑ ปี ข้อมูลนี้ถึงจะไม่ถูกตรงหมดสำหรับทุกคน แต่ก็เป็นเครื่องเตือนใจได้


        เรื่องเวลานี้ นับว่าเป็นเรื่องสำคัญ เพราะมีส่วนกำหนดพัฒนาการของสรรพสิ่งในโลกและเปรียบเหมือนทรัพยากรที่มีจำกัด ไม่สามารถเก็บสะสมไว้ใช้ในวันต่อไป หมดแล้วก็หมดเลย จึงต้องใช้อย่างรู้คุณค่า และการรู้คุณค่าของเวลานั้น มีผู้ยกตัวอย่างเพื่อให้เห็นภาพว่า ....

ข้อคิดจากมดแดง ตอน ดีรวม ไม่ดีเดี่ยว

ข้อคิดจากมดแดง ตอน ดีรวม ไม่ดีเดี่ยว
นิทานธรรมะ
      มดแดงตัวเล็ก ๆ สามารถขนอาหารหรือสัตว์ตายที่ใหญ่กว่าตัวเองหลายเท่าไปถึงรังได้ ก็เพราะมดแดงยึดหลักทำพร้อมกัน ทำด้วยกัน ร่วมแรงร่วมใจกัน นั่นเอง

       การทำงานใด ๆ หรือการปฏิบัติหน้าที่ราชการใดก็ตาม เพื่อให้บรรลุผลตามความมุ่งหมายทุกประการ หากจะเอาวิธีการของมดแดงมาเป็นตัวอย่าง จะต้องสร้างแนวความคิดในการทำงานให้เกิดขึ้นอย่างน้อย 2 ประการ คือ

       1. ไม่ทำงานเพื่อสร้างภาพ คือทำงานในลักษณะเพื่อให้ตนเด่น และทำให้คนอื่นด้อย รวมถึงไม่ทำงานแบบยึดความคิดตนเองเป็นใหญ่ ไม่ใส่ใจความคิดเห็นของผู้อื่น แต่ต้องทำเป็นทีม เป็นหมู่คณะ

       2. ต้องทำงานเพื่อสร้างงาน คือเพื่อมุ่งให้ได้ผลของงาน แล้วเมื่อเรามีเป้าหมายเพื่อจะให้ได้งาน จะทำให้มองข้ามการกระทบกระทั่งกัน ไม่ถือสาหาความในเรื่องไม่มีสาระ พร้อมที่จะเข้าใจและให้อภัยกันในระหว่างผู้ร่วมงาน

นิทานธรรมะ เรื่อง ทุกข์เพราะยึด

นิทานธรรมะ เรื่อง ทุกข์เพราะยึด
       มีเรื่องเล่าว่า ลิงตัวหนึ่งในประเทศอินเดีย ชอบแอบไปขโมยผลไม้ในสวนกินเป็นประจำ ชาวสวนจึงคิดหาวิธีจับลิง โดยใช้กล่องไม้ซึ่งมีฝาด้านหนึ่งเจาะรูเล็ก ๆ ไว้พอให้ลิงสอดมือเข้าไปได้ แล้วนำถั่วซึ่งเป็นของโปรดของลิงมาใส่ไว้เป็นเหยื่อล่อ วันหนึ่งเมื่อลิงมาที่สวนและเห็นถั่วอยู่ในกล่องก็เอามือล้วงเข้าไปหยิบกำเอาถั่ว แต่พอจะดึงมือออกมาก็ติดฝากล่อง เพราะมือที่กำอยู่นั้นใหญ่กว่ารูที่เจาะเอาไว้ ลิงพยายามดึงเท่าไรก็ไม่ออก พอถูกชาวสวนไล่จับก็ปีนขึ้นต้นไม้ไม่ได้ เพราะมีมือเปล่าอยู่ข้างเดียว สุดท้ายก็ถูกจับและฆ่าตาย

        หากจะนำเรื่องนี้มาเปรียบเทียบกับคนเรา ก็จะพบว่าหลายสิ่งหลายอย่างที่เราอยากได้อยากมี หรือใฝ่ฝันอยากจะเป็นจนถึงกับยึดเอาไว้อย่างเหนียวแน่นนั้น เป็นสาเหตุสำคัญแห่งความทุกข์ได้ทั้งสิ้น แต่ถ้าคลายความยึดมั่นจากสิ่งที่อยากหรือสิ่งที่ได้ลงเสียบ้าง ทุกข์โศกก็จะลดน้อยถอยลง วิธีปฏิบัติผู้รู้ได้แนะนำไว้ว่า....

นิทานธรรมะ เรื่อง โทษของการไม่รู้คุณ

นิทานธรรมะ เรื่อง โทษของการไม่รู้คุณ
เรื่อง โทษของการไม่รู้คุณ
      มีนิทานเล่าเป็นคติสอนใจไว้ว่า เนื้อสมันตัวหนึ่งถูกนายพรานไล่ล่าหมายจะสังหาร จึงวิ่งหนีสุดชีวิตจนไปพบพุ่มไม้หนาทึบพุ่มหนึ่งกระโดดเข้าไปหลบซ่อนตัวในพุ่มไม้นั้น เมื่อนายพรานตามมาทันแต่มองหาไม่พบก็ผ่านเลยไปทางอื่นเสีย เนื้อสมันเห็นว่าตนเองปลอดภัยแน่แล้ว ก็เกิดความชะล่าใจ ยิ่งเห็นพุ่มไม้ที่อาศัยหลบซ่อนนั้นเต็มไปด้วยยอดและใบอ่อนที่แตกระบัด ก็สำคัญว่าเป็นโชคดีที่มาพบอาหารอันโอชะแล้วและเล็มกินใบไม้นั้นอย่างเพลิดเพลิน จนพุ่มไม้กลับโล่งโปร่งบางไปถนัดตา ฝ่ายนายพรานเมื่อผิดหวังก็เดินกลับมาทางเก่า ได้มองเห็นเนื้อสมันตัวนั้นอีกครั้ง จึงได้สังหารด้วยธนูสมดังใจหมาย ก่อนจะตาย เนื้อสมันคิดถึงโทษที่ตนได้ทำลายพุ่มไม้ซึ่งเคยช่วยชีวิตไว้ จึงเกิดสำนึกว่า "นี่แหละ โทษแห่งการทำลายสิ่งที่มีคุณ"

      เรื่องนี้ให้ข้อเตือนใจว่า...

ข้อคิดธรรมะ เรื่อง ไฟสูง-ไฟต่ำ


เรื่อง ไฟสูง-ไฟต่ำ
     การขับขี่ยานพาหนะ อย่างรถจักรยานยนต์ หรือรถยนต์ในเวลากลางคืนนั้น สิ่งสำคัญอย่างหนึ่งที่จะต้องมี คือ ไฟส่องสว่าง หรือไฟหน้านั่นเอง โดยทั่วไป สามารถปรับระดับได้ 2 ระดับ คือ ไฟสูงกับไฟต่ำ กรณีขับนำหน้ารถคันอื่น เพื่อความปลอดภัยก็ควรเปิดไฟหน้าให้เป็นไฟสูง เพื่อให้สามารถมองเห็นได้ไกลที่สุดเท่าที่จะทำได้ ยกเว้น เมื่อมีมีคันอื่นสวนทางมา ก็ควรปรับจากไฟสูงลงมาเป็นไฟต่ำ ส่วนคันที่ตามหลังมา ก็ได้อาศัยคันหน้านั่นแหล่ะ เป็นเครื่องสังเกตุ จึงควรเปิดไฟหน้าของตนให้เป็นไฟต่ำ เพื่อไม่ให้แสงพุ่งไปสะท้อนกระจกส่องหลังของคันหน้า สร้างความลำบากให้ผู้อื่น มารยาทดังกล่าวนี้ นอกจากจะอำนวยความปลอดภัยต่อการเดินทางแล้ว ยังช่วยป้องกันไม่ให้เกิดความไม่พอใจระหว่างผู้ใช้ถนนร่วมกันอีกด้วย

   ในสังคมย่อมประกอบไปด้วย ผู้นำ และผู้ตามเสมอ ผู้นำจะต้องใช้ความรู้ ความสามารถที่มีอยู่มองให้เห็นปัญหา และวิธีแก้ไขปัญหาได้กว้างไกลกว่าผู้ตาม เหมือนขับรถอยู่คันหน้าสุด ในที่มืดต้องใช้แสงสว่างให้มากที่สุดเท่าที่จะได้ ส่วนผู้ตามแม้จะมีความรู้ ความสามารถเท่าใดก็ควรใช้ให้อยู่ในขอบเขตแห่งตน พอเหมาะแก่เหตุผลและกาลเทศะ เหมือนขับรถอยู่ข้างหลัง แม้

นิทานธรรมะ เรื่อง คนของโลก


นิทานธรรมะ เรื่อง คนของโลก

เรื่อง คนของโลก
       ชายชราผู้หนึ่งนั่งขุดหลุมอยู่อย่างขะมักเขม้นท่ามกลางแดดร้อนจัดในเวลาบ่าย ขณะนั้นเด็กหนุ่มคนหนึ่งเดินมาพบเข้าจึงถามว่า กำลังทำอะไร ชายชราตอบว่า กำลังขุดหลุมเพื่อปลูกมะม่วง คำตอบนั้นยิ่งทำให้เด็กหนุ่มแปลกใจยิ่งขึ้น จึงถามอีกว่า นี่ลุงอายุเท่าไรแล้ว พอทราบว่าชายชราผู้นั้นอายุแปดสิบปีแล้ว จึงพูดขึ้นว่า มะม่วงต้นนี้ต้องใช้เวลาไม่น้อยกว่า ๕ ปี จึงจะออกผล ลุงอาจจะตายเสียก่อนที่จะได้กินก็ได้ ถ้าเป็นอย่างนั้นมันก็ไม่คุ้มกับที่ต้องลงทุนเหน็ดเหนื่อยอย่างนี้

       ชายชราอธิบายว่า มะม่วงที่ปลูกนี้ ถึงลุงจะตายไปเสียก่อน แต่ประโยชน์ก็จะตกแก่คนอื่นต่อไป เหมือนตัวหลานชายนี่แหละ ตอนที่เกิดมาก็ไม่ได้เกิดในบ้านที่ตัวเองสร้างไว้ เกิดมาแล้วก็ยังอาศัยอยู่ในบ้านที่คนอื่นสร้างไว้เหมือนกัน การทำสิ่งใด ๆ จึงไม่ควรมองแค่ประโยชน์ที่ตัวเองได้รับ แต่ควรคิดถึงประโยชน์ของผู้อื่นด้วย

นิทานธรรมะ เรื่อง อวดดี

นิทานธรรมะ เรื่อง อวดดี
เรื่อง อวดดี
      ธรรมชาติของคนมีคล้ายกันอย่างหนึ่งคือ ต้องการความดีหรือสิ่งดี ๆ ให้เกิดมีในชีวิตตน เพราะคำว่า ดี เป็นสภาวะที่จรรโลงใจ น่าปรารถนา น่าพอใจ แต่มีข้อแม้ว่าเมื่อมีดีแล้ว ต้องรักษาดีที่มีอยู่ให้คงไว้ดุจเกลือรักษาความเค็ม หรือทำความดีให้มาก ๆ อย่ารู้สึกเบื่อหน่ายหรืออิ่มตัวในการสร้างความดี ต้องทำดีเพื่อความดี บูชาความดีด้วยใจจริง และมีดีแล้วต้องไม่อวดดี มิฉะนั้นจะเกิดความเสียหายเพราะการอวดดี ดังเรื่องเล่าปรัมปราว่า วันหนึ่งนิ้วมือทั้ง ๕ คุยกัน ในเชิงโอ้อวดว่าตนเก่ง ตนดี มีความสำคัญกว่านิ้วอื่นอย่างนั้นอย่างนี้

       นิ้วหัวแม่มือ พูดขึ้นก่อนว่า ข้านี้สำคัญที่สุด เพราะเพียงชื่อก็บอกอยู่แล้วว่าเป็นหัวหน้า บางครั้งเจ้านายไม่มีเงิน พาเข้าโรงจำนำ ก็ให้ข้านี่แหละพิมพ์หัวแม่มือแทน ยิ่งเมื่อจะเอ่ยถึงคนไหน สิ่งใดที่ดีเลิศหรือเป็นที่หนึ่ง ก็มักจะยกข้าขึ้นแสดง

       นิ้วชี้ คุยอวดบ้างว่า ตัวข้าสำคัญกว่า เพราะงานทั้งหลายที่เจ้านายสั่งให้ทำ จะสำเร็จลงได้ต้องอาศัยข้าเป็นคนชี้บอก

       นิ้วกลาง คุยอวดทับว่า ท่านทั้งสองสำคัญก็จริงแต่ข้าสำคัญที่สุด ไม่ต้องอะไรมาก เพียงแค่เรื่องความสูงเด่นเป็นสง่า ข้าก็กินขาดแล้ว

นิทานธรรมะ เรื่อง เสื้อแห่งความสุข

นิทานธรรมะ เรื่อง เสื้อแห่งความสุข

เสื้อแห่งความสุข
    มีเรื่องเล่าว่า พระราชาองค์หนึ่ง ทรงวิตกกังวลต่อความมั่นคงแห่งราชสมบัติ ความวิตกนี้ได้กลายเป็นเรื่องติดแน่นฝังลึก ลุกลามเกาะกินจนเกิดความเครียด บรรทมไม่หลับ ทุกข์หนักถึงขั้นประชวร วันหนึ่งทรงได้รับคำแนะนำว่า ถ้าจะแก้ความทุกข์นี้ให้ได้ จะต้องเอาเสื้อของคนที่มีความสุขที่สุดมาสวมใส่ จึงรับสั่งให้อำมาตย์ผู้หนึ่งไปแสวงหาเสื้อดังกล่าวนั้น แต่ไม่ว่าจะไปขอยืมจากเชื้อพระวงศ์หรือขุนนางผู้ใหญ่คนไหน ๆ ก็ได้คำตอบเหมือนกันว่า ตัวข้าพเจ้าแม้จะมีเงินทองและยศศักดิ์ถึงเพียงนี้แล้ว แต่ในชีวิตจริงก็หามีความสุขไม่ ในที่สุดก็จำต้องออกไปเสาะหาตามบ้านเรือนของราษฎร แต่คนทั้งหลายก็ตอบเหมือน ๆ กันอีกว่า ชีวิตนี้ยังไม่เคยมีความสุขจริง ๆ สักที อำมาตย์เริ่มท้อใจไม่คิดว่าคนมีความสุขจะหาได้ยากอย่างนี้ คงจะไม่ได้เสื้อที่ต้องการเป็นแน่
       วันหนึ่ง ขณะที่อำมาตย์พาคณะไปสำรวจถึงนอกกำแพงเมือง จู่ ๆ ก็ได้ยินเสียงคนร้องตะโกนมาจากที่ไกลว่า "มีความสุขเหลือเกิน มีความสุขเหลือเกิน"

นิทานธรรมะ เรื่อง ช้างติดหล่ม


นิทานธรรมะ เรื่อง ช้างติดหล่ม
      มีเรื่องเล่าว่า ขณะที่ช้างศึกของพระเจ้าปเสนทิโกศล ชื่อปาเวรกะ กำลังลงไปกินน้ำที่หนองน้ำแห่งหนึ่ง ได้พลัดตกลงไปในหล่ม แม้จะพยายามช่วยเหลือตนเองสุดกำลัง ก็ไม่สามารถถอนตนขึ้นจากหล่มได้ ยิ่งดิ้นรนยิ่งจมลึกลงไป จนเกิดความท้อแท้ หมดเรี่ยวแรง เมื่อความทราบถึงพระเจ้าปเสนทิโกศล จึงทรงหาอุบายโดยรับสั่งให้ทหารนำกลองศึกไปตี พร้อมทั้งส่งเสียงโห่ร้องขึ้น ณ บริเวณหล่มที่ช้างตกลงไป ทำประหนึ่งว่ากำลังออกรบ เสียงกลองศึกและเสียงโห่ร้องอันกึกก้องได้กลายเป็นแรงกระตุ้นให้ช้างปาเวรกะเกิดความฮึกเหิม มีกำลังใจ มันจึงรวบรวมเรี่ยวแรงที่มีอยู่ทั้งหมด พยุงตนขึ้นจากหล่มได้

       ในทางพระพุทธศาสนาได้อุปมาไว้ว่า สิ่งเสพย์ติดเป็นเหมือนหล่ม วิธีจะเอาชนะหรือขึ้นจากหล่มชนิดนี้ได้ แม้จะมีอยู่หลากหลายแต่ก็สรุปได้เป็น ๒ ทาง คือ

       ๑. ฝึกปฏิบัติ เช่น ออกกำลังกายให้เหงื่อขับสารเสพติดออกจากร่างกาย อ่านหนังสือหรือหางานอดิเรกทำทันทีเมื่อมีเวลาว่างเพื่อดึงความคิดออกไปจากสิ่งเสพย์ติด รวมทั้งการใช้เวชภัณฑ์ที่แพทย์แนะนำ เป็นต้น

       ๒. หัดปฏิเสธ ไม่ตามใจตนเอง ไม่ตามใจผู้อื่น ในเรื่องสิ่งเสพย์ติดเป็นอันขาด

       ทั้งหมดนี้ ย่อมต้องอาศัยกำลังใจ ความตั้งใจจริงเป็นที่ตั้ง

นิทานธรรมะ เรื่อง เกียรติของชีวิต


นิทานธรรมะ เกียรติของชีวิต
      มีเรื่องเล่าว่า แม่ลิงตัวหนึ่งมีลูก ๒ ตัว ลูกตัวหนึ่งเป็นลูกรัก อีกตัวหนึ่งเป็นลูกชัง แม่ลิงได้เลี้ยงดูลูกที่ตนรักไว้บนหลัง ให้กินอาหารที่ดี ๆ ส่วนลูกที่ตนชังเลี้ยงไว้ใต้ท้อง และให้กินอาหารที่เลว เมื่อเวลาเดินไปทางไหนลูกที่อยู่บนหลังแม่ย่อมได้รับความสะดวกสบาย ขณะที่ลูกอยู่ใต้ท้องแม่มักถูกกระแทกกับพื้นดินหรือกิ่งไม้ได้รับความทุกข์ทรมานอยู่ตลอดเวลา ในเวลาต่อมา แม่ลิงตายจากลูกทั้งสองไปขณะที่ลูกยังเล็ก ๆ ปรากฏว่าลูกที่ได้รับการเลี้ยงดูอย่างดีบนหลังแม่นั้น ไม่สามารถหากินด้วยตนเองได้ ในไม่ช้าก็ตายตามแม่ไป ส่วนลูกที่ถูกเลี้ยงดูอยู่ใต้ท้องแม่ตลอดเวลานั้น กลับสามารถหากินเลี้ยงตนเองได้ไม่ตายตามแม่ลิงไป
เกียรติของชีวิต

นิทานธรรมะ เรื่อง ไก่นอกสำนัก


นิทานธรรมะ เรื่อง ไก่นอกสำนัก
      มีเรื่องเล่าในชาดกว่า ไก่ตัวหนึ่งเมื่อเกิดมาแล้วก็อยู่ตามลำพัง ไม่ได้รับการฝึกสอนอบรม ในเรื่องหน้าที่ของไก่จากพ่อแม่หรือไก่จ่าฝูงเหมือนไก่ตัวอื่น ๆ จึงขันเรื่อยเปื่อยโดยไม่รู้เวลา เช้าก็ขัน เที่ยงก็ขัน ค่ำก็ขัน ดึก ๆ ตื่นขึ้นมาก็ขันอีก ทำให้คนเข้าใจผิดคิดว่าจวนจะสว่าง รีบตื่นขึ้นมาตระเตรียมการงาน เมื่อลุกขึ้นมาแล้วจึงรู้ว่าผิดเวลา เป็นอย่างนี้บ่อยครั้งจึงจับไก่ตัวนั้นเชือดเสียด้วยความรำคาญ
ไก่นอกสำนัก

นิทานธรรมะ เรื่อง ฤทธิ์คำชม

นิทานธรรมะ เรื่อง ฤทธิ์คำชม
     นักจิตวิทยาท่านหนึ่ง แนะวิธีทำใจให้มีความสุขด้วยวิธีง่ายๆ คือ หาทางยกย่องชมเชยให้ได้อย่างน้อยวันละ 1 ครั้ง เหตุเพราะว่า ที่ใดมีคำชม ที่นั่นย่อมมีความสุขทั้ง 2 ฝ่าย คือ ผู้รับคำชมเชยย่อมจะรู้สึกภาคภูมิใจที่มีคนมองเห็นความดีของตน จึงพร้อมจะเป็นมิตรกับผู้พูด ฝ่ายผู้ชม ตลอดเวลาที่คิดถึงความดีของคนอื่น เพื่อจะชม ก็ทำให้จิตใจอ่อนโยน และเมื่อพูดออกไปก็เป็นปิยวาจา ทำให้ทั้งสองฝ่ายรู้สึกดีต่อกัน เป็นบ่อเกิดแห่งความสามัคคีในที่สุดได้
เรื่อง ฤทธิ์คำชม
     ในอดีตกาล พระพุทธเจ้าก็ทรงยกย่องชมเชยพระสาวกไว้ในเอตทัคคะต่างๆ มากมาย มีทั้งที่เป็นภิกษุ ภิกษุณี อุบาสก และอุบาสิกา เช่น ทรงยกย่องชมเชยพระอัญญาโกณฑัญญะว่าเป็นเลิศด้านรัตตัญญู พระสารีบุตรเป็นเลิศด้านมีปัญญา พระอุบลวรรณาเถรี เป็นเลิศด้านมีฤทธิ์ อนาถปิณฑิกเศรษฐี เป็นเลิศในฝ่ายทายก และนางวิสาขามหาอุบาสิกา เป็นเลิศในฝ่ายทายิกา เป็นต้น ทำให้พระสาวกมีกำลังใจในการทำความดียิ่งขึ้น และพระสาวกรูปอื่นๆ ก็ยึดเป็นแบบอย่างต่อไป สำหรับหลักในการชม โดยทั่วไปนั้น ท่านให้ชมสิ่งที่เป็นคุณธรรมหลัก เช่น ชมความอดทน ชมความรับผิดชอบ ชมความกล้าหาญ เป็นต้น เพราะการชมสิ่งเหล่านี้ จะทำให้คนเข้าถึงความดีงานที่สูงขึ้น ประณีตขึ้น นั่นเอง ซึ่งต่างจากการชมสิ่งที่เป็นวัตถุธรรม เช่น เสื้อผ้าอาภรณ์ แก้วแหวนเงินทอง เป็นต้น เพราะสิ่งเหล่านี้ ไม่ใช่สัจธรรมที่เป็นสากล อีกทั้งยังไม่มีความจีรังยั่งยืน

นิทานธรรมะ เรื่อง กาหลงซาก


เรื่อง กาหลงซาก

นิทานธรรมะ เรื่อง กาหลงซาก
      นานมาแล้ว มีซากช้างลอยไปตามกระแสน้ำ กาตัวหนึ่งพบเข้าก็ดีใจ คิดว่าตนเป็นผู้โชคดีเพราะจะได้อาหารกินฟรีโดยไม่ต้องออกแรงไปอีกนาน จึงโผลงจับที่ซากช้างนั้น จิกกินเนื้อช้างที่เน่าเปื่อย อิ่มแล้วก็หลับอยู่บนซากช้างนั้นเอง ตื่นขึ้นก็กินอีก กิน ๆ นอน ๆ อยู่กับซากช้างนั้นอย่างมีความสุข นานวันเข้ากระแสน้ำก็ไหลออกสู่ทะเล ซากช้างก็ลอยไกลฝั่งออกไปเรื่อย ๆ จนถึงกลางมหาสมุทร พอซากช้างเปื่อยเน่าสิ้นไปกาก็มองไม่เห็นฝั่งเสียแล้ว ถึงจะพยายามบินกลับอย่างไรก็ไม่สามารถพ้นจากมหาสมุทรได้ จึงหมดแรงจมน้ำตายในที่สุด

       ในทางธรรม ซากช้างที่ลอยไปตามกระแสน้ำนั้นท่านเปรียบเหมือนกามคุณ ๕ ได้แก่

นิทานธรรมะ เรื่อง การเปลี่ยนแปลง


นิทานสั้นๆ เรื่อง การเปลี่ยนแปลง

นิทานธรรมะ เรื่อง การเปลี่ยนแปลง
      มีเรื่องเล่าว่า หญิงสาวคนหนึ่งอาศัยอยู่ในตัวเมือง บ้านของเธอมีต้นไม้ใหญ่แผ่กิ่งก้านสาขาจนทำให้บริเวณนั้นดูร่มรื่น แต่ขณะเดียวกันกิ่งก้านก็หักและหล่นใส่บ้านใกล้เคียงอยู่บ่อย ๆ จนเป็นปัญหาถึงขั้นที่จะต้องโค่นต้นไม้ใหญ่นั้นทิ้งไป เธอรู้สึกกังวลว่า ต่อไปจะไม่มีร่มเงาที่คอยกำบังแดดฝน ไม่มีนกมาส่งเสียงร้องให้ฟังอีกแล้ว ยิ่งคิดก็ยิ่งเสียดายกังวลและเครียดขึ้นเป็นลำดับ พอถึงวันที่ต้องตัดมันทิ้งจริง ๆ เธอได้รับคำพูดปลอบใจจากเพื่อนว่า "อย่าเสียดายกับสิ่งที่เสียไป แต่จงยินดีกับสิ่งที่กำลังจะได้มา" หลังจากต้นไม้ถูกโค่นทิ้งไปไม่นาน เธอได้เห็นความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น กล่าวคือ ทุกเช้าเธอจะได้รับแสงแดดที่ส่องเข้ามาในบริเวณห้อง ทำให้รู้สึกอบอุ่นกระปรี้กระเปร่าขึ้นทันที ได้เห็นภาพเด็ก ๆ วิ่งขึ้นลงรถรับส่งนักเรียนอย่างร่าเริง และไม่มีนกมาถ่ายมูลให้สกปรกอีก ถึงตอนนี้เธอจึงเข้าใจกับคำว่า "อย่าเสียดายกับสิ่งที่เสียไป แต่จงยินดีกับสิ่งที่กำลังจะได้มา"

นิทานธรรมะ เรื่อง พระพายกับพระอาทิตย์

เรื่อง พระพายกับพระอาทิตย์

นิทานธรรมะ เรื่อง พระพายกับพระอาทิตย์
    >>>มีนิทานคติเล่าว่า วันหนึ่งพระพาย ผู้เป็นเทพเจ้าแห่งลม เกิดสนุกขึ้นมา จึงบันดาล ให้เกิดพายุใหญ่ พัดโลกอย่างรุนแรง ทำให้บ้านเรือนพัง และต้นไม้หักโค่น ระเนระนาด แล้วนั่งหัวเราะ ภูมิใจในอำนาจของตน เทพเจ้าแห่งดวงอาทิตย์ เห็นเช่นนั้น ก็เกิดความไม่พอใจ อยากจะเตือนให้ พระพายรู้สำนึกว่า อำนาจมิอาจใช้ บังคับได้ทุกอย่าง จึงท้าพระพาย ให้ลองใช้อำนาจของตน บังคับมนุษย์ให้ถอดเสื้อ ออกจากตัวให้ได้ พระพายจึงใช้ ความรุนแรงของตน เพื่อพัดให้เสื้อผ้าหลุด จากร่างกายของมนุษย์ให้จงได้ แต่ยิ่งพัดเท่าไร มนุษย์ก็ยิ่งจับผ้า ให้กระชับตัวแน่นยิ่งขึ้น พัดจนอ่อนใจ ก็ไม่สามารถ ทำให้มนุษย์ถอดเสื้อผ้าได้ พระอาทิตย์จึงบอกให้หยุด แล้วให้พระพาย คอยดูวิธีของตนบ้าง

           พระอาทิตย์ค่อยๆ ฉายแสงลงที่ตัวมนุษย์ แล้วเพิ่มความร้อน ให้มากขึ้นทีละน้อยๆ ทำให้เกิด ความร้อนอบอ้าว จนมนุษย์ทนไม่ไหว ต้องถอดเสื้อผ้าออก ทีละชิ้นจนกระทั่งหมดตัว แล้วโดดลงไปแช่ในน้ำ พระพายได้รับ ความอับอายมาก หลบหายไปในอากาศ

นิทานธรรมะ เรื่อง กลิ่นทวนลม


เรื่อง กลิ่นทวนลม
นิทานธรรมะ เรื่อง กลิ่นทวนลม

@@..ขึ้นชื่อว่ากลิ่นแล้ว ไม่ว่าจะเป็นกลิ่นหอมหรือกลิ่นเหม็นก็ตาม ส่วนใหญ่มักจะลอยไปเข้าจมูกคนได้ด้วยแรงลมพัดพาไป ดังนั้น เวลาที่อยู่เหนือลมจมูกของเราจึงไม่ได้สัมผัสกลิ่นใด ๆ หรือสัมผัสบ้างแต่ก็เล็กน้อย เพราะว่ากลิ่นทั้งหลายขึ้นอยู่กับการพัดพาไปของลมนั่นเอง

        ครั้งหนึ่ง มีผู้ถามพระพุทธเจ้าว่า ในโลกนี้มีกลิ่นอะไรบ้างที่ลอยไปตามลมก็ได้ และลอยทวนลมก็ได้ด้วย พระพุทธองค์ตรัสตอบความตอนหนึ่งว่า ผู้ใดไม่ฆ่าสัตว์ ไม่ลักทรัพย์ ไม่ประพฤติผิดในกาม ไม่พูดโกหก ไม่ดื่มสุราและเมรัยอันเป็นที่ตั้งแห่งความประมาท เป็นผู้มีศีลธรรมประจำใจ ไม่เห็นแก่ตัว รู้จักเผื่อแผ่แบ่งปันผู้อื่น กลิ่นกล่าวคือความดีของผู้นั้น ย่อมจะหอมไปได้ทั้งตามลมและทวนลม....

นิทานธรรมะ เรื่อง กระจกหกด้าน


กระจกหกด้าน

นิทานธรรมะ เรื่อง กระจกหกด้าน
           กระจกในที่นี้ หมายถึง กระจกเงา เป็นแก้วชนิดหนึ่ง ทำเป็นแผ่น มีปรอทเคลือบด้านหลัง ใช้ส่องดูหน้าตา กิริยาท่าทาง ความเป็นระเบียบเรียบร้อย ของเครื่องแต่งกาย หน่วยงาน บางแห่ง นำกระจก มาติดไว้ บริเวณบันได พร้อมกับ เขียนข้อความติดไว้ว่า “ท่านแต่งกาย เรียบร้อย แล้วหรือยัง” เป็นการเตือนสติ ให้กันและกัน อย่างดี ผู้ส่องกระจก จะได้ สำรวจ ดูสิ่ง ที่ตัวเอง บกพร่อง และแก้ไข ต่อไป ข้อจำกัด ของกระจกเงา อยู่ที่เรา สามารถ ส่องดู ตัวเอง ได้อย่างสะดวกเพียงด้านหน้า ด้านเดียว เท่านั้น

           ยังมีกระจก อีกชนิดหนึ่ง สามารถ ใช้ส่องดูตัวเรา ได้ทุกด้าน ทุกเวลา และส่อง ให้เห็น ถึงพฤติกรรม ของเรา ที่แสดง ออกมา ได้อย่าง ชัดเจน และเหมือนจริง มากที่สุด ทางพระ ท่านเรียก กระจกเงา ชนิดนี้ว่า ทิศ ๖ นั่นเอง กล่าวคือ ....

นิทานธรรมะ เรื่อง สุนัขสอนคน



นิทานธรรมะ เรื่อง สุนัขสอนคน
   ++>> สุนัข เป็นสัตว์เลี้ยงที่คนไทยรู้จักมานาน จะเรียกว่าเป็นสัตว์คู่ครอบครัวไทยเลย ก็คงไม่ผิด เพราะเกือบทุกครัวเรือนมักจะเลี้ยงสุนัขเอาไว้เฝ้าบ้าน หรือเป็นเพื่อนนั่นเอง แต่ใครจะรู้หรือสังเกตุว่า สุนัขนั้น เป็นสัตว์ที่มีคุณสมบัติพิเศษที่ควรศึกษา และสามารถนำมาปรับใช้ในการดำเนินชีวิต ได้หลายประการ คุณสมบัติที่ว่า ได้แก่ กินง่าย นอนง่าย สอนง่าย ฝึกง่าย ไม่แง่งอน เห่า หอนต้อนรับ ปรับทุกข์ กตัญญูกตเวที ติดสถานที่ และภักดีต่อเจ้าของ

      คุณสมบัติของสุนัขดังกล่าวข้างต้น มนุษย์เราสามารถนำมาประยุกต์ใช้ในการดำเนินชีวิตได้ ดังนี้

นิทานธรรมะ เรื่อง กบถูกไฟไหม้


นิทานธรรมะ เรื่อง กบถูกไฟไหม้
....มีนิทานเล่าว่า กบตัวหนึ่งอาศัยอยู่ในสระน้ำในวัดแห่งหนึ่ง วันหนึ่ง มันสังเกตดูกิจวัตรของพระสงฆ์ เห็นพระสงฆ์ออกไปบิณฑบาตและนำอาหารกลับมาฉันที่วัด มันคิดว่าเป็นพระสงฆ์นี้สบาย ได้อาหารมาอย่างง่ายดาย ต่างกับตนที่ต้องดิ้นรนหาอาหาร ซ้ำยังมีชีวิตอยู่อย่างหวาดระแวงภัยตลอดเวลา จึงนึกอยากเป็นพระสงฆ์ ต่อมามันเห็นพระสงฆ์นำอาหารที่เหลือไปโปรยให้ไก่กิน ก็อิจฉาไก่ที่ไม่ต้องลำบากออกหาอาหารกินเอง จึงนึกอยากเป็นไก่ แต่ขณะนั้นเองมีสุนัขตัวหนึ่งวิ่งไล่ไก่ที่กำลังคุ้ยเขี่ยจิกกินอาหารอย่างเพลิดเพลิน มันจึงอยากเป็นสุนัข ต่อมาสุนัขก็ถูกชายคนหนึ่งใช้ไม้ไล่ตี มันจึงเปลี่ยนใจอยากเป็นคน แต่สักครู่หนึ่งมันก็เห็นแมลงวันบินมาตอมชายคนนั้นจนเขารำคาญแล้วเดินหนีไป จึงอยากเป็นแมลงวัน ในขณะที่กบกำลังนึกเคลิบเคลิ้มอยากเป็นนั่นเป็นนี่อยู่นั่นเอง แมลงวันตัวหนึ่งก็บินมาจับตรงปลายจมูกของมันพอดี ด้วยความเคยชิน มันจึงแลบลิ้นตวัดแมลงวันเข้าปาก พอรู้รสแมลงวันเท่านั้น มันก็คิดได้ว่าเป็นอะไรก็ไม่ดีเท่ากับเป็นกบเอง

นิทานธรรมะ เรื่อง ก็แค่วางลง

นิทานธรรมะ เรื่อง ก็แค่วางลง ++>>
พระนิกายเซ็นรูปหนึ่ง ชื่อโป้วต่อฮั่วเสียง แปลว่าหลวงพ่อย่ามใหญ่ เพราะไม่ว่าจะไปไหนมาไหน ท่านจะสะพายย่ามคู่ชีพที่ทั้งใหญ่ทั้งหนักไปด้วยเสมอ วันหนึ่งท่านเดินผ่านหมู่บ้านแห่งหนึ่ง ชาวบ้านทราบข่าวต่างก็พากันไปนมัสการกันเนืองแน่น ระหว่างนั้นมีมัคนายกผู้หนึ่งถามถึงการปฏิบัติเพื่อดับทุกข์ว่าต้องทำอย่างไร หลวงพ่อไม่ตอบ แต่ยืนนิ่งอยู่ครู่หนึ่งก็ค่อย ๆ ปลดย่ามออกจากบ่า วางลงบนพื้นแล้วนั่งประนมมือเฉยอยู่ ไม่ยอมพูดอะไร มัคนายกจึงถามขึ้นอีกว่าวิธีดับทุกข์มีแค่นี้หรือ ท่านก็ไม่พูด แต่เอาย่ามขึ้นสะพายบ่าตามเดิมแล้วเดินจากไป

นิทานธรรมะ เรื่อง ก็แค่วางลง
http://tammastory.blogspot.com/
นิทานธรรมะ เรื่อง ก็แค่วางลง

        ความหมายของหลวงพ่อย่ามใหญ่ก็คือว่า วิธีดับทุกข์ก็แค่วางลงเท่านั้น ไม่ได้มีอะไรอื่น ส่วนการเอาย่ามขึ้นสะพายบ่าอีกครั้ง หมายถึงว่า

นิทานธรรมะ เรื่อง ดีในมดแดง



มดแดงเป็นสัตว์สังคมชนิดหนึ่ง มักทำรังอยู่ตามต้นไม้ โดยใช้ใบไม้มาห่อเป็นรังอยู่อาศัย เวลาถูกรบกวน จะรวมกลุ่มป้องกันตัว โดยปากก็กัดก้นก็ต่อย ปล่อยกรดออกมา ทำให้เกิดอาการระคายเคือง ปวดแสบปวดร้อน วงจรชีวิตและพฤติกรรมของมดแดง ให้ข้อคิดทางธรรมหลายประการ คือ "รวมตัวเป็นหนึ่ง พึ่งเรี่ยวแรงแห่งตน อดทนทำงาน เก่งการเป็นกลุ่ม รุมสู้ศัตรูด้วยกัน แข่งขันหวงไข่หวงรัง ยอมสละทั้งชีวิตเพื่อส่วนรวม และร่วมกันเชิดชูนางพญาผู้นำ" ด้วยเหตุนี้ นักปราชญ์จึงได้ประพันธ์เป็นคำกลอน ดอกสร้อยสุภาษิตสอนใจว่า

มดเอ๋ยมดแดง
เล็กเล็ก เรี่ยวแรง แข็งขยัน  
ใครกล้ำกลาย   ทำร้าย   ถึงรังมัน
ก็วิ่งพรู กรูกัน มาทันที
สู้ได้ หรือมิได้ ใจสาหัส
ปากกัด ก้นต่อย ไม่ถอยหนี
ถึงรังเรา ใครกล้า มาราวี
ต้องต่อตี ทรหด เหมือนมดเอย

นิทานธรรมะ เรื่อง ทำไมทำดีแล้วไม่ได้ดี


นิทานธรรมะ เรื่อง ทำไมทำดีแล้วไม่ได้ดี... มีเรื่องเล่าว่า มีครอบครัวเล็กๆ ครอบครัวหนึ่ง เลี้ยงลากับสุนัขเอาไว้คู่กัน หน้าที่ของลาก็คือ ลากเกวียน ซึ่งเป็นงานหนักทั้งสวัสดิการและอาหารก็ไม่ดี ส่วนสุนัขมีหน้าที่เฝ้าบ้าน เป็นงานสบาย สวัสดิการและอาหารดีกว่า ลาเห็นเช่นนั้นก็เกิดความอิจฉาสุนัข คิดอยากจะย้ายไปทำหน้าที่ของสุนัขบ้าง เมื่อว่างจากงานลากเกวียนจึงซุ่มฝึกเห่าเอาไว้ และแล้วโอกาสของลาก็มาถึง คืนหนึ่งมีขโมยขึ้นบ้าน คืนนั้นสุนัขไม่ทำหน้าที่ของตนเอง เอาแต่นอนหลับ แม้ลาจะสะกิดเพียงใดก็ไม่ยอมตื่น ลาจึงเห่าแทนสุนัข ลาจึงเห่าแทนสุนัข ขโมยได้ยินเสียงลาเห่าแล้วรู้สึกขำ เก็บของไปหัวเราะไป ลาเห็นเช่นนั้นก็รู้สึกโกรธมาก จึงเอาเท้าหลังเตะคอกดังโครมคราม ขโมยตกใจกลัวเจ้าของบ้านจะตื่น จึงทิ้งของกลางไว้แล้วรีบหนีไป เมื่อขโมยหนีไปแล้ว สุนัขจึงตื่นและรีบลุกไปดมของกลางที่ขโมยทิ้งไว้ ลาไม่พอใจที่สุนัขมาเสนอหน้า เพื่อจะเอาความดีความชอบ จึงเตะคอกไปเรื่อยๆ เพื่อปลุกให้เจ้าของบ้านตื่นมาดูผลงานการไล่ขโมยของตน ทำให้เจ้าของบ้าน ที่กำลังหลับอยู่เผลินๆ สะดุ้งตื่นและโมโห จึงรีบลงมาจากบ้านพร้อมคว้ากระบองอันใหญ่ ติดมือมาด้วย ลาเห็นเจ้าของบ้านเดินมา ก็ดีใจ คิดว่าจะได้รางวัลตอบแทน จึงก้มหัวลง รอรับรางวัล แต่กลับถูกตีอย่างไม่ยั้งมือ ลาจึงได้แต่บ่นกับสุนัขว่า ทำไมทำดีแล้วไม่ได้ดี

นิทานธรรมะ เรื่อง ทำไมทำดีแล้วไม่ได้ดี
http://tammastory.blogspot.com/
นิทานธรรมะ เรื่อง ทำไมทำดีแล้วไม่ได้ดี

  จากเรื่องดังกล่าวข้างต้น ฟังดูแล้วอาจจะเป็นเรื่องขำขัน แต่ก็แฝงไปด้วยคติธรรมสอนใจอยู่ไม่น้อย โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เรื่องของความเพียรพยายาม กับการทำความดี ในทางพุทธศาสนา

นิทานธรรมะ เรื่อง ฉลาด กับ เฉลียว


   นิทานธรรมะ เรื่อง ฉลาด กับ เฉลียว



  นายฉลาดกับนายเฉลียว ซึ่งเป็นเพื่อนรักกันมาก ต่างชวนกันไปฝากตัวเป็นศิษย์ร่ำเรียนวิชากับอาจารย์ผู้มีชื่อเสียงแห่งหนึ่ง อาจารย์สอนวิชาความรู้ให้กับศิษย์ทั้งสอง เท่าๆ กัน โดยไม่ปิดบังอำพราง ต่อมาวันหนึ่งทั้งสองคน ขอลาอาจารย์กลับไปเยี่ยมบ้าน ระหว่างทางได้พบรอยเท้าขนาดใหญ่ของสัตว์ชนิดหนึ่ง นายฉลาดเอ่ยขึ้นว่า "รอยเท้าช้าง" นายเฉลียวกล่าวเสริมว่า "ใช่ ช้างตัวนี้ตาบอดข้างหนึ่ง" เมื่อเดินต่อมา เห็นรอยน้ำเปียกชื้นที่พื้นดินข้างทาง นายฉลาดก็เอ่ยขึ้นว่า "รอยปัสสาวะของผู้หญิง" นายเฉลียวก็กล่าวเสริมว่า "ใช่ ผู้หญิงคนนี้มีครรภ์ด้วย" หลังจากเดินต่อมาอีกพักใหญ่ ก็ได้พบช้างตาบอดข้างหนึ่ง และก่อนจะเข้าเขตหมู่บ้าน ก็ได้พบหญิงมีครรภ์คนหนึ่งเหมือนกับที่นายเฉลียวบอกทุกอย่าง
  เมื่อกลับมาที่สำนักของอาจารย์ นายฉลาดได้เล่าเรื่องที่เกิดขึ้นให้อาจารย์ฟังในเชิงน้อยใจว่า อาจารย์ลำเอียงสอนวิชาให้นายเฉลียวมากกว่า อาจารย์จึงเรียกนายเฉลียวมาสอบสวน นายเฉลียวชี้แจงว่า ที่รู้ว่าช้างตาบอดข้างหนึง เพราะสังเกตุได้จากต้นไม้ใบหญ้าข้างทาง ถูกช้างน้าวกินเพียงด้านเดียว และที่รู้ว่า เป็นรอยปัสสาวะของหญิงมีครรภ์ ก็เพราะบริเวณรอบๆ มีรอยฝ่ามือทั้งสองข้างปรากฏอยู่ แสดงว่าหญิงคนนั้นใช้สองมือยันพื้น ช่วยพยุงตัวขณะลุกขึ้น
  นิทานธรรมะเรื่องนี้ให้ข้อคิดว่า
Related Posts Plugin for WordPress, Blogger...

ธรรมะเรื่องล่าสุด

Recent Posts Widget