ภายในจิตใจของคนเราก็เช่นเดียวกัน เวลาใดมีความปลอดโปร่งแจ่มใส ไม่เศร้าหมองขุ่นมัว ก็เหมือนโลกในยามเช้าที่มีแสงสว่าง มีบรรยากาศที่สดชื่น คนที่มีอารมณ์เหมือนโลกยามเช้าเช่นนี้ แม้เขาจะอยู่ในกระท่อมซอมซ่อหรืออยู่ในสภาพที่สวมใส่เสื้อผ้าที่เก่าขาดวิ่น ก็มีความเบิกบานใจ ใจที่เบิกบานแจ่มใสนี้มีสภาพเป็นกุศล เป็นทางแห่งปัญญาและเอื้อต่อการรู้จักผิดชอบชั่วดี มีความรังเกียจละอายต่อการทำความชั่วทุกชนิด แต่ถ้าคราใดจิตใจถูกปกคลุมมืดมิดไปด้วยอำนาจของกิเลส มีโลภะ เป็นต้น ก็จะเป็นจิตใจที่ขาดพลัง ทำให้เห็นสิ่งต่าง ๆ ได้เลือนลางหรือเห็นผิดไปจากความเป็นจริง เช่น เห็นสิ่งสกปรกเป็นสะอาด เห็นบาปเป็นบุญ เห็นคุณเป็นโทษ เห็นผิดเป็นถูกไปได้
ดังนั้น จึงควรสำรวจตัวเองอยู่ทุกขณะแล้วพยายามปรับจิตใจให้เป็นเหมือนโลกยามเช้าเพื่อชีวิตจะได้พบแต่สิ่งที่ดีงามในทุก ๆ วัน
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น