๑. คนดี แม้ไม่มีใครถามก็พูดถึงความดีของผู้อื่นได้ ส่วนคนไม่ดี แม้เขาจะถามก็ไม่ยอมพูดถึงความดีของผู้อื่นเลย
๒. คนดี แม้จะถูกใครถามก็ไม่พูดถึงความเสียหายของคนอื่น ส่วนคนไม่ดี แม้เขาไม่ถาม ก็ชอบพูดถึงแต่เรื่องเสียหายของชาวบ้าน
๓. คนดี แม้ไม่มีใครถามก็พูดถึงความเสียหายของตนเองได้ ส่วนคนไม่ดี แม้จะถูกถามอย่างไรก็ไม่ยอมปริปากถึงความเสียหายของตนเลย
๔. คนดี แม้ใคร ๆ จะถามก็ไม่พูดถึงความดีของตนง่าย ๆ ส่วนคนไม่ดี ถึงไม่มีใครถามเลยก็พูดถึงแต่เรื่องความดีของตนเอง
พระพุทธพจน์ดังกล่าว แสดงให้เห็นว่าความดีหรือไม่ดีของคนนั้นอยู่ที่การประพฤติปฏิบัติตนไม่ใช่แค่ภาพลักษณ์ภายนอก แม้ภาพลักษณ์ภายนอกจะเป็นสิ่งที่จำเป็นระดับหนึ่ง แต่ต้องควบคู่ไปกับลักษณะคนดีที่มีอยู่ข้างใน จึงจะดีครบด้าน พระพุทธพจน์นี้จึงเป็นคำสอนที่ฟังง่าย ๆ แต่ให้คุณค่าสูง ถ้านำมาเป็นบรรทัดฐานตรวจสอบตัวเองแล้วปรับปรุงการประพฤติปฏิบัติตามแนวทางนี้ ทั้งชีวิตส่วนตัวและสังคมก็จะเปลี่ยนไปในทางที่ดีขึ้นมิใช่น้อยทีเดียว
### ธรรมะก่อนนอน
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น