++รู้เท่าเอาไว้กัน รู้ทันเอาไว้แก้ ข้อคิดธรรมะเพื่อเป็นคติสอนใจ++
ประจำวันที่ ๒๑ กันยายน ๒๕๕๘
เป็นที่ยอมรับกันว่า ปัจจุบันเทคโนโลยีและวิทยาการสมัยใหม่มีการพัฒนาและเจริญก้าวหน้าไปอย่างรวดเร็ว เช่น โทรศัพท์มือถือ นอกจากจะใช้สำหรับโทรออกและรับสายเข้าแล้ว ปัจจุบันนี้ ยังมีการพัฒนาให้สามารถถ่ายรูปได้ เล่นอินเตอร์เน็ต เล่นเกมส์ และอื่นๆ อีกมากมาย และด้วยเหตุผลที่มีความสามารถหลากหลาย จึงส่งผลให้มีราคาสูงขึ้น และทำให้ผู้บริโภคต้องเพิ่มค่าใช้จ่ายขึ้นเป็นเงาตามตัว เพราะนอกจากจะต้องคอยซื้อบัตรเติมเงินแล้ว ยังอาจจะต้องเสียเงินเพิ่ม เพื่อซื้อบริการเสริม อาทิ ซื้อเหรียญ ซื้อทีม เป็นต้น เทคโนโลยีเหล่านี้หากเราไม่รู้จักระมัดระวังก็อาจตกเป็นเหยื่อหรือตกเป็นทาสได้โดยไม่รู้ตัว จนทำให้เกิดภาวะวิกฤติทางเศรษฐกิจ เช่น ปัญหาหนี้สินหรือความสิ้นเปลืองโดยไม่จำเป็น
พระท่านสอนไว้ว่า คนฉลาดต้องรู้จักระมัดระวังตัวไม่ให้ตกเป็นเหยื่อของมาร ซึ่งเป็นอำนาจฝ่ายต่ำ ที่สังคมจัดขึ้นมาเพื่อหลอกล่อให้เราหลงใหลอยู่ตลอดเวลา บางครั้งต้องดิ้นรนแสวงหาโดยวิธีการที่ผิด เช่น ทุจริตคดโกง ปล้น จี้ เพื่อหาเงินมาซื้อสิ่งเหล่านั้นไว้สนองความต้องการของตนเอง
วิธีการที่จะไม่ให้ตกเป็นเหยื่อนั้น ให้ยึดหลัก ๓ ประการ คือ
๑. ระวังกาย (กายสุจริต) คือ รู้จักระมัดระวังการกระทำของตนเอง ไม่ก่อความเดือดร้อนทั้งแก่ตนเองและผู้อื่น เช่น ไม่ลักทรัพย์ของผู้อื่น เป็นต้น
๒. ระวังวาจา (วจีสุจริต) คือ รู้จักพูดสิ่งที่มีสาระ ไม่พูดส่อเสียดใส่ร้ายผู้อื่น และรู้จักบริโภคสิ่งที่เป็นประโยชน์
๓. ระวังใจ (มโนสุจริต) คือ รู้จักนึกคิดในทางที่สร้างสรรค์หรือก่อให้เกิดความเจริญก้าวหน้า ไม่โลภอยากได้ของเขา ไม่อาฆาตหรือพยาบาทปองร้ายคนอื่น
ผู้ที่รู้จักระมัดระวังกาย วาจา และใจอยู่เสมอ จะเป็นคนสุขุมรอบคอบ ไม่มีความผิดพลาดในเรื่องที่คิด ในกิจที่ทำ และในถ้อยคำที่พูด ไม่ประมาทในการดำเนินชีวิต และที่สำคัญไม่ตกเป็นเหยื่อของอำนาจฝ่ายต่ำ จนต้องประกอบการทุจริตดังกล่าวข้างต้น หากทำได้เช่นนี้ ก็จะได้ชื่อว่า "รู้เท่าเอาไว้กัน รู้ทันเอาไว้แก้" อย่างแท้จริง .... นิทานธรรมะบล็อก
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น