พระพุทธศาสนามีหลักอยู่ว่า บรรดาเรื่องราวหรือเหตุการณ์ต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นในโลกนี้ไม่มีเรื่องใดที่เกิดขึ้นโดยบังเอิญ หากแต่เป็นไปตามเหตุตามปัจจัยและมีที่ไปที่มา ปัญหาอยู่ตรงที่ว่าเราจะสามารถสืบสาวให้รู้ถึงสาเหตุหรือมองย้อนได้ตลอดสายของเรื่องนั้น ๆ ได้หรือไม่เท่านั้น
สำหรับลาภยศหรือตำแหน่งอันมีเกียรติต่าง ๆ ตามที่ชาวโลกนิยมยามที่ชาวโลกนิยมยมจะมีข้อแม้หรือกฎเกณฑ์ระเบียบข้อบังคับต่าง ๆ รองรับอยู่ ใครก็ตามที่มีคุณสมบัติถูกต้องครบถ้วนตามเกณฑ์ที่กำหนดไว้ ก็ย่อมมีสิทธิ อันชอบธรรมที่จะได้หรืออยู่ในฐานะตำแหน่งนั้นได้ และถ้าเป็นไปตามคำกล่าวที่ว่า นายดึง ลูกน้องดัน คนเสมอกันสนับสนุน ด้วยแล้ว ก็ยิ่งจะเป็นเรื่องง่าย แต่ในทางพระพุทธศาสนาสอนว่า มีความรู้ดี มีความสามารถดี มีคุณสมบัติตามเกณฑ์ที่กำหนด เท่านั้นยังไม่เพียงพอ จะต้องมีความประพฤติดีงามรวมอยู่ด้วย ความประพฤติดีงามดังกล่าว มิได้หมายเฉพาะความดีงามในชาตินี้เท่านั้น ยังรวมถึงความประพฤติดีงามที่เรียกว่า ปุพเพกตปุญญตา คือความเป็นผู้ได้เคยทำความดีงามหรือทำบุญมาแต่ชาติปางก่อน จึงจะไม่มีปัญหาและอุปสรรคใด ๆ มาขัดขวาง
ดังนั้น ก่อนที่อยากจะได้หรืออยากจะเป็นอะไร ควรระลึกไว้เสมอว่า ความรู้ ความสามารถ ที่เรียกว่า ศักยภาพ และคุณความดีหรือบุญบารมี เรามีพอหรือยัง ถ้าแม้นว่าความรู้ก็ดี ความสามารถก็มาก แต่ยังไม่ได้ตามที่คาดหวังไว้ก็ขอให้คิดเสียว่า บารมียังไม่ถึง เพราะถ้ายังฝืนได้หรือฝืนเป็นโดยที่ยังไม่ถึงเวลาอันสมควรได้ อาจจะแพ้ภัยตนเอง ทำให้เสียใจไปตลอดชีวิตก็ได้ ... นิทานธรรมะ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น