แต่ความเสื่อมอีกชนิดหนึ่งเป็นความเสื่อมเพราะพฤติกรรม กล่าวคือ การปฏิบัติของตนเอง ซึ่งทางพระพุทธศาสนา เรียกว่า "อบายมุข" ได้แก่
๑. ความเป็นนักเลงหญิง ได้แก่ยินดีหมกมุ่นอยู่ในกิจกรรมทางเพศ ผลที่สุดทำให้เกิดความเสื่อมต่าง ๆ ตามมา เช่น สิ้นทรัพย์ เสียชื่อเสียง ครอบครัวแตกแยก และอาจถึงขั้นเสียชีวิตด้วยโรคร้ายในที่สุด
๒. ความเป็นนักเลงสุรา นอกจากจะทำให้เสียทรัพย์และเกิดโรคแล้ว ยังเป็นเหตุต่อการทะเลาะวิวาท และการขาดสติ ไม่อาจควบคุมตนเองได้ จนเป็น เหตุก่อความเสียหายอื่นๆ ได้อีก
๓. ความเป็นนักเลงการพนัน
เมื่อหมกมุ่นในการพนัน ย่อมเป็นเหตุ ล้างผลาญทรัพย์ ได้รับการรังเกียจ ระแวงจากผู้อื่น อีกทั้งเป็นการทำลายอนาคต ของตนเองโดยตรง
๔. คบคนชั่วเป็นมิตร การคบคนย่อมมีอิทธิพลต่อทัศนคติ อุปนิสัยใจคอ และพฤติกรรมในที่สุด เพราะอาจชักนำ ไปในทางใดทางหนึ่งได้ง่าย การคบคนชั่ว เป็นมิตรจึงเป็นความเสื่อมอีกชนิดหนึ่ง
อบายมุข ๔ นี้ เห็นได้ชัดว่าเป็นทางนำไปสู่ความเสื่อม ไม่ว่าจะ พิจารณาจากแง่มุมใด ก็หาสิ่งที่เป็นประโยชน์ และความดีงาม แก่ชีวิตไม่ได้เลย และที่สำคัญก็คือ เป็นความเสื่อมทั้งๆ ที่ร่างกายยังแข็งแรง สติปัญญายังสมบูรณ์อยู่ ดังนั้น ผู้หวังความเจริญจึงควรหลีกให้ไกล เพราะลำพังปล่อยให้เสื่อมไปเองตามธรรมชาติ ก็เป็นเรื่องน่ากลัวอยู่แล้ว เหตุไฉนจึงจะต้องเร่งความเสื่อม ให้เกิดแก่ชีวิตอันเป็นที่รักยิ่งของตนอีกเล่า .. นิทานธรรมะสั้นๆ อ่านแล้ว สนุก อ่านแล้วเพลิดเพลิน อ่านแล้วให้คติสอนใจ ที่ นิทานธรรมะบล็อก
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น