วันหนึ่ง พระทั้งสามรูปมานั่งวิเคราะห์กันว่า การที่วัดเจริญขึ้นอย่างมากเช่นนี้เป็นเพราะอะไร รูปที่หนึ่งบอกว่าเป็นเพราะการเทศนาสั่งสอนของผม จึงทำให้ญาติโยมเลื่อมใสศรัทธา เข้าวัดทำบุญสุนทานกันไม่ขาด วัดจึงเจริญขึ้นอย่างที่เห็น รูปที่สองแย้งขึ้นว่าอันการสั่งสอนให้เกิดความรู้อย่างเดียวนั้น พระพุทธเจ้าเคยตรัสว่าเป็นแค่ใบลานเปล่า หาประโยชน์ไม่ได้ การที่ผมนำญาติโยมปฏิบัติกรรมฐานนี่ต่างหาก ทำให้ชาวบ้านเข้าถึงแก่นแท้ของศาสนาแล้วพากันอุปถัมภ์บำรุงวัดของเรา เรื่องอื่นนอกจากปฏิบัติกรรมฐานแล้วไม่มีประโยชน์ที่เป็นสาระทั้งสิ้น ทำให้รูปที่สามขัดขึ้นด้วยความไม่พอใจว่า คุณพูดอย่างนั้นก็ไม่ถูก วัดนี้ถ้าผมไม่เป็นผู้นำการก่อสร้างและพัฒนาขึ้นมา มันก็ต้องเป็นวัดร้างอยู่อย่างนั้น ทั้งสามรูปต่างถกเถียงยืนยันเฉพาะเหตุผลในแง่มุมของตน จนเกิดความขัดแย้งไม่ลงรอยกันตั้งแต่บัดนั้น และกลายเป็นความร้าวฉานที่รุนแรงขึ้นตามลำดับ จนการบริหารงานของวัดดำเนินการต่อไม่ได้ วัดก็เริ่มโทรม ญาติโยมก็เสื่อมศรัทธา ในที่สุดเลยกลายเป็นวัดร้างลงอีกครั้งหนึ่ง
เรื่องนี้เป็นเรื่องที่ผูกขึ้นเพื่อสอนคน ให้เห็นความจริงอย่างหนึ่งว่า คนเก่งมักมีด้านมืด อันได้แก่การหลงเข้าไปในความเก่งของตัว ทำให้ถูกครอบงำด้วยทิฐิมานะ คนเก่งจึงต้องคู่กับการมีสติรู้ตัวและปัญญารู้คิด เหตุการณ์เช่นเดียวกับเรื่องวัดร้างจึงจะไม่เกิดขึ้น ... นิทานก่อนนอน ตอน วัดร้าง
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น