เรื่องนี้สะท้อนให้เห็นว่า การทำลายกันด้วยวาจาจะก่อทุกข์ได้ ก็ต่อเมื่อผู้ถูกด่ารับไว้เท่านั้น ถ้าไม่รับไว้ คำด่านั้นก็ไม่มีพิษสงอะไรกับจิตใจ ความโกรธ ความรุ่มร้อนต่าง ๆ จะถูกจำกัดขอบเขตให้อยู่เฉพาะในตัวของผู้สร้างมันขึ้นมาเท่านั้น เข้าทำนองของของตน เมื่อไม่มีผู้รับ ก็ต้องเป็นของตนวันยังค่ำ แม้คำเท็จ คำส่อเสียด เป็นต้น ก็เช่นเดียวกัน ในชีวิตจริง การจะมีสติและปฏิบัติได้อย่างนั้นอาจดูเหมือนเหลือวิสัย แต่เมื่อพิจารณาให้ดีจะเห็นว่า โดยปกติหากมีใครยื่นของสิ่งใดสิ่งหนึ่งมาให้ ก็ต้องพิจารณาก่อนว่า เป็นอะไร ใช้ประโยชน์ด้านไหน ดีหรือชั่ว ควรรับไว้หรือไม่ แล้วเหตุใด เมื่อมีผู้หยิบยื่นวาจาเป็นเครื่องประหารตัวเองมาให้ จึงจะรีบรับเอาด้วยความเต็มใจเล่า ทั้งที่พระพุทธองค์ก็ทรงทำให้ดูเป็นตัวอย่างมาแล้ว
เมื่อพูดถึงการประหัตประหารกันแล้ว คนส่วนมากมักนึกถึงการประหัตประหารกันด้วยกำลังทางกายและด้วยอาวุธต่าง ๆ แต่การใช้วาจาเป็นอาวุธสำหรับประหาร เรียกว่า วจีประหาร ก็สามารถประหัตประหารสร้างความหายนะแก่กันได้ไม่ยิ่งหย่อนกว่าอาวุธอย่างอื่น โดยเฉพาะในยุคแห่งข้อมูลข่าวสารเช่นปัจจุบันนี้
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น