แนะนำ! บทความธรรมะอ่านมากที่สุดตอนนี้

ธรรมะก่อนนอน เรื่อง คน ๔ ประเภท

ธรรมะก่อนนอน เรื่อง คน ๔ ประเภท
   สังคม หน่วยงาน ไม่ว่าจะเป็น สำนักงาน บริษัท ก็จะต้องมีคนมากมายหลากหลายรูปแบบ แต่โบราณได้แบ่งไว้  ๔  ประเภท ด้วยกัน คือ คนฉลาดและขยัน คนฉลาดแต่ขี้เกียจ คนโง่และขี้เกียจ และสุดท้ายคือ คนโง่แต่ขยัน มีลักษณะและความแตกต่าง ดังต่อไปนี้

   คนประเภทที่ ๑  คนฉลาดและขยัน  คนประเภทนี้ ถ้าส่งเสริมให้ดีแล้วต่อไปภายภาคหน้า จะได้เป็นเจ้าคนนายคน เป็นหัวหน้าหน่วยงานที่มีประสิทธิภาพ จึงควรเลี้ยงไว้ และไม่ควรเลี้ยงไว้ห่างสายตา แต่อย่าให้ใกล้ชิดเกินไป เพราะอันตราย
  คนประเภทที่  ๒  คนฉลาดแต่ขี้เกียจ คนประเภทนี้ควรให้ทำงานในเรื่องที่เกียวกับการใช้หัวคิด หรือวางแผนจะเหมาะที่สุด เพราะเป็นคนเก่ง คิดไว แต่การปฏิบัติต้องมีคนช่วย
  คนประเภทที่  ๓  คนโง่และขี้เกียจ คนประเภทนี้พอเอาไปเป็นแรงงานได้ แต่ต้องคอยจับตาดู คอยแนะนำให้ทำตาม หรือให้มีหน้าที่ปฏิบัติตามคำสั่งเท่านั้น ปล่อยให้ทำเองไม่ได้
  คนประเภทที่  ๔  คนโง่แต่ขยัน  คนประเภทนี้มักสร้างความวุ่นวายให้กับสังคม อันตรายต่อสังคมและองค์กร ไม่ว่าจะให้อยู่ในตำแหน่งหน้าที่ใด ก็ก่อความวุ่นวาย เดือดร้อนได้ง่าย
ในสังคมหรือองค์กรไหนก็ตาม ย่อมจะมีคน ๔  ประเภทนี้อยู่ด้วยเสมอ การจะใช้งานคนในสังคมหรือองค์กรนั้นๆ ให้สอดคล้องกับลักษณะนิสัยหรือคุณภาพของคน จึงเป็นเรื่องสำคัญ ดังมีคำกล่าวว่า put the right man on the right job เพราะการเลือกคนได้เหมาะกับงาน ก็มีแต่ความสำเร็จ ในทางตรงกันข้าม การเลือกใช้คนไม่ถูกกับงาน ก็มีแต่จะล้มเหลว และเป็นอันตรายทั้งแก่สังคมและองค์กรในวงกว้างเช่นกัน แล้วท่านล่ะ คิดว่าอยู่ในประเภทไหน... ธรรมะก่อนนอน เรื่อง คน ๔ ประเภท

นิทานคุณธรรม เรื่อง กระจกใจ

นิทานคุณธรรม เรื่อง กระจกใจ
   มีเรื่องเล่าว่า สามีภรรยาคู่หนึ่งอาศัยอยู่ที่บ้านหลังหนึ่งในตัวเมือง ทุกๆ เช้า ผู้เป็นภรรยาจะแอบดูเพื่อนบ้าน ผ่านกระจกหน้าต่างชั้นบน และคอยรายงานให้สามีฟังเสมอๆ ว่า เพื่อนบ้านคนนี้ คนนั้น ซักผ้าไม่เป็นเลย เสื้อผ้าสกปรกเหลือเกิน ไม่รู้ว่าใช้ผงซักฟอกยี่ห้ออะไร หรือใช้วิธีซักอย่างไร ฝ่ายสามีก็มักจะกล่าวแก่ภรรยาเสมอๆ ว่า อย่าไปสนใจคนอื่นเลย เราซักผ้าของเราให้สะอาดก็แล้วกัน แต่ภรรยาก็ยังคอยแอบดูเพื่อนบ้านผ่านกระจกหน้าต่างชั้นบนอยู่ทุกเช้า และคอยรายงานให้สามีฟังทุกครั้งเช่นเคย
   ต่อมา วันหนึ่ง ภรรยาได้วิ่งลงมารายงานสามีด้วยท่าทางประหลาดใจว่า วันนี้เกิดอะไรขึ้นไม่รู้ เสื้อผ้าของเพื่อนบ้านขาวสะอาดผิดปกติ อยากจะรู้เหลือเกินว่า เขาเปลี่ยนมาใช้ผงซักฟอกยี่ห้ออะไร หรือทำอย่างไร ฝ่ายสามีหัวเราะแล้วกล่าวว่า เมื่อเช้าฉันตื่นแต่เช้ามืดและไปเช็ดกระจกหน้าต่างชั้นบนจนใสสะอาด ก่อนหน้านี้กระจกมันสกปรก เมื่อเธอมองออกไปภายนอกก็เลยพลอยเห็นแต่ความสกปรกไปด้วย...



   ในแง่คิดทางธรรม คนเราจะมองคนอื่นผ่านกระจก คือ จิตใจตนเอง ถ้าจิตใจของเราใสสะอาด เราก็จะเห็นแต่ความดีความงามของคนอื่น และมองเห็นสิ่งรอบๆ ตัวดีงามไปด้วย แต่ถ้าจิตใจของเราขุ่นมัว เราก็จะเห็นแต่ความไม่ดีไม่งามของคนอื่น และมองเห็นสิ่งรอบๆ ตัวไม่ดีไม่งามไปด้วย การที่เราได้เห็นความดีหรือความไม่ดีรอบๆ ตัวเรา แท้ที่จริงแล้ว สิ่งที่เราเห็นมันเกิดขึ้นในจิตใจของเรานี่เอง ดังนั้น เราจะต้องพยายามฝึกจิตใจ ทำใจให้ใสสะอาด ปราศจากกิเลสให้มากที่สุด เพราะถ้าปล่อยให้จิตใจขุ่นมัว จะส่งผลให้เราคิดชั่ว ใช้อารมณ์ มองเห็นแต่สิ่งที่ไม่ดีไม่งามอยู่ตลอดเวลา และ เป็นทุกข์ติดตามมา แต่ถ้าฝึกจิต ทำใจให้สะอาด จะส่งผลให้เราคิดดี ใช้ปัญญา มองสิ่งต่างๆ ในแง่ดี และมีความสุขในที่สุด


Related Posts Plugin for WordPress, Blogger...

ธรรมะเรื่องล่าสุด

Recent Posts Widget